เว็บไซต์ที่น่าสนใจสามารถดึงดูดความสนใจของผู้เข้าชมและทำให้พวกเขาอยากอยู่และสำรวจต่อไป ต่อไปนี้เป็นวิธีในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว

เนื้อหาเป็นกษัตริย์

เนื้อหาที่น่าดึงดูด: นี่คือรากฐานของเว็บไซต์ที่น่าสนใจ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหาของคุณให้ข้อมูล เขียนได้ดี และเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ พิจารณาใช้รูปแบบเนื้อหาที่แตกต่างกัน เช่น วิดีโอ อินโฟกราฟิก หรือองค์ประกอบแบบโต้ตอบเพื่อแยกข้อความและรองรับสไตล์การเรียนรู้ที่แตกต่างกัน

เนื้อหาที่ตรงเป้าหมาย: ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของคุณและปรับแต่งเนื้อหาของคุณให้ตรงกับความสนใจและความต้องการของพวกเขา สิ่งนี้จะทำให้เว็บไซต์ของคุณเกี่ยวข้องและมีส่วนร่วมมากขึ้น

เรื่องการออกแบบ

ดึงดูดสายตา: ผู้คนมักถูกดึงดูดไปยังเว็บไซต์ที่ดึงดูดสายตา ใช้รูปภาพ วิดีโอ และกราฟิกคุณภาพสูงที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณ
ชัดเจนและไม่เกะกะ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณใช้งานง่ายและไม่เกะกะไปด้วยข้อมูลมากเกินไป ใช้พื้นที่สีขาวอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้พื้นที่เนื้อหาของคุณหายใจได้
เหมาะกับมือถือ: การท่องเว็บส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนอุปกรณ์มือถือ ดังนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณตอบสนองและแสดงผลได้ดีบนหน้าจอทุกขนาด

การใช้งานเป็นสิ่งสำคัญ

การนำทางที่ง่ายดาย: ผู้เยี่ยมชมควรจะสามารถค้นหาสิ่งที่พวกเขากำลังมองหาได้อย่างง่ายดาย มีเมนูการนำทางที่ชัดเจนและใช้งานง่ายซึ่งสมเหตุสมผล
เวลาโหลดเร็ว: ผู้คนใจร้อน หากเว็บไซต์ของคุณใช้เวลาโหลดนานเกินไป ผู้เยี่ยมชมก็มีแนวโน้มที่จะตีกลับ ปรับแต่งรูปภาพและโค้ดของคุณเพื่อให้แน่ใจว่ามีความเร็วในการโหลดที่รวดเร็ว

ให้มันสด

การอัปเดตเป็นประจำ: เนื้อหาสดใหม่ช่วยให้ผู้เยี่ยมชมกลับมาดูอีก อัปเดตเว็บไซต์ของคุณเป็นประจำด้วยเนื้อหา โพสต์บล็อก หรือฟีเจอร์ใหม่ๆ

คิดเชิงโต้ตอบ

คุณลักษณะการมีส่วนร่วม: ลองเพิ่มองค์ประกอบเชิงโต้ตอบลงในเว็บไซต์ของคุณ เช่น แบบสำรวจ แบบทดสอบ หรือเครื่องคิดเลข วิธีนี้สามารถช่วยให้ผู้เยี่ยมชมมีส่วนร่วมและกลับมาดูอีก

เมื่อปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้ คุณจะสามารถสร้างเว็บไซต์ที่มีทั้งข้อมูลและน่าสนใจ ทำให้ผู้เยี่ยมชมมีส่วนร่วมและต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม

ยุคนี้การทำเว็บไซต์ไม่ยากเหมือนสมัยก่อน บริษัทรับทำเว็บไซต์ต่างแข่งขันกันและปรับการสร้างเว็บไซต์ให้ใช้งานได้ง่ายที่สุด ประกอบกับสมัยนี้คนนิยมทำอาชีพอิสระ หลายคนจึงหันมาเป็นคนทำเว็บหรือเป็นบล็อกเกอร์ หวังว่าวันหนึ่งจะประสบความสำเร็จ แต่เส้นทางนี้ไม่ได้ราบรื่นนัก

คู่แข่งเยอะมาก

หากต้องการขายเสื้อยืดแบรนด์นี้ เมื่อทำเว็บไซต์เสร็จสรรพ นอกจากเว็บไซต์ของเรายังไม่ปรากฏในหน้าของ Google แล้ว ( สำหรับเว็บไซต์เกิดใหม่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 เดือนจนกว่าจะปรากฏ ) ยังพบว่าคนมีขายของเหมือนของเราอีก 100 กว่าคนหรือ 100 กว่าเว็บไซต์นั่นเอง มีการจองพื้นที่โฆษณากันอย่างดุเดือด ในจุดนี้ต้องอดทนรอจนกว่าเว็บไซต์ของเราจะปรากฏบนหน้าของ Google ก่อนอันดับแรกแล้วค่อยปรับตัวสินค้าให้มีความโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่ง

ค่าโฆษณาแพงมหาโหด

จริงอยู่ว่าค่าคลิกเข้ามาชมเว็บไซต์คลิกละ 1 บาท 2 บาท แต่อย่าลืมว่า 100 คนอาจมีคนซื้ออยู่ 3 คน ถ้าเราอยากขายได้วันละ 30 ตัว ก็ต้องจ่ายค่าคลิก 1,000 คลิกหรือประมาณ 1,000 – 2,000 บาท การขายเสื้อยืดตัวละ 199 อาจไม่ได้กำไร คงต้องขายแพงกว่านั้นถึงจะอยู่รอดได้

ค่าทำ SEO ยิ่งแพงกว่า

การทำ SEO คือการปรับเว็บไซต์ให้ติดอันดับของ Google มีตั้งแต่การเร่งความเร็ว ทำระบบ การใส่บทความ และอื่น ๆ อีกมากมาย ในเมื่อทำไม่เป็นก็ต้องจ้างคนมาทำให้ ค่าใช้จ่าย 10,000 บาทขึ้นไป เห็นผลภายใน 2 เดือน และติดอันดับอยู่ประมาณ 6 เดือน หลัง 6 เดือนแล้วก็ต้องทำ SEO อีก ที่สำคัญคือทุกอย่างไม่มีการรับประกัน เพราะแอลกอรึทึ่มของกูเกิ้ล ( ระบบคัดเลือกเว็บไซต์ ) เปลี่ยนแปลงกฏตลอดเวลา เราต้องหัดทำ SEO ด้วยตัวเอง จำไว้ว่า คนอื่นทำได้ฉันก็ต้องทำได้ และทำแบบค่อยเป็นค่อยไป หากเร่งรัดไปตัวเองจะถอดใจก่อน

คนจำชื่อเว็บไม่ได้

หวังว่าสักวันคนทำเว็บอย่างเราจะมีชื่อเสียงขึ้นมาบ้าง แต่คนที่เข้ามาในเว็บไซต์มองหาแต่ข้อมูลที่เขาต้องการแล้วก็ปิดออกไป น้อยคนจะจำชื่อเว็บไซต์ได้ ต้องหมั่นแชร์ในโซเชียลมีเดีย และที่สำคัญต้องมีเนื้อหาที่มีคุณภาพและน่าประทับใจ

Google Adsense ที่ยอดไม่กระเตื้อง

Google Adsense คือการเอาโฆษณามาวางไว้บนเว็บไซต์ของเรา เมื่อมีคนคลิกโฆษณาก็จะได้ค่าคลิกเป็นดอลลาร์สหรัฐ 0.01 บ้าง 0.02 บ้างหรือบางอันได้ถึง 0.5 ตามแต่ประเภทของโฆษณาและการจ่ายค่าคลิก อาจได้ยินมาว่ามีคนทำได้ถึงเดือนละล้าน อย่าลืมเว็บไซต์เหล่านั้นคือ Sanook, Pantip, Thairat หรือแม้แต่ Line เว็บไซต์ที่เกิดใหม่ยอดจะไม่กระเตื้องเพราะมีคนเข้าเว็บน้อย เราต้องดันเว็บไซต์ให้ติดอันดับด้วยวิธีต่าง ๆ อย่างการซื้อพื้นที่โฆษณา การทำ SEO เป็นต้น

ทุกอย่างมีจุดเริ่มต้น และจุดเริ่มต้นนี่แหละที่มันยากที่สุด แต่ทว่าหากเราผ่านจุดนี้ไปแล้วเว็บไซต์ติดหน้าหนึ่งของ Google เมื่อไหร่มันหมายถึงธุรกิจที่มีมูลค่าเป็นล้าน ๆ และคุ้มค่าสำหรับความเหนื่อยยากที่คนทำเว็บต้องเผชิญตอนต้น

ในปัจจุบันเพียงแค่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าคุณต้องการข้อมูลอะไรก็สามารถค้นหาได้อย่างสะดวกสบาย ทำให้บริษัทรวมทั้งนักธุรกิจได้หันมาให้ความสนใจกับการทำเว็บไซต์มากขึ้น ดังนั้นในบทความนี้ผู้เขียนจะมาบอกถึงข้อดีของการทำเว็บและแนะนำว่าเว็บไซต์ที่ดีควรทำอย่างไร

ข้อดีของการทำเว็บ

แนวโน้มการเข้าถึงธุรกิจของคุณมากขึ้น
หลาย ๆ คนมักหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า ธุรกิจต่าง ๆ ที่สนใจผ่านอินเทอร์เน็ต เพราะไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีค่าเดินทางและเสียเวลาในการค้นหาน้อยกว่า หากคุณมีเว็บไซต์จึงอาจมีแนวโน้มในการเข้าถึงธุรกิจของคุณได้มากขึ้น

ช่วยลดค่าใช้จ่าย
การทำเว็บจะช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้มาก เพราะแทบไม่ต้องลงทุนอะไรเลย เช่น การเปิดขายสินค้าหน้าร้านต้องมีค่าเช่าพื้นที่ ค่าจ้างพนักงาน แต่การทำเว็บไซต์สามารถลดค่าใช้จ่ายเหล่านั้นได้ อีกทั้งคุณยังสามารถใช้เว็บไซต์ในการโฆษณาสินค้าโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ
การทำเว็บจะช่วยทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในธุรกิจของคุณมากขึ้น และยังมีความไว้วางใจว่าหากซื้อขายกับคุณแล้วจะไม่ถูกโกง การทำเว็บไซต์จึงสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจได้

ให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คุณสามารถพูดคุยกับลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เหมือนกับการเปิดขายหน้าร้านเพียงอย่างเดียว ที่จะต้องมีคนเฝ้าหน้าร้านตลอดและสามารถให้บริการได้เฉพาะเวลาทำการเท่านั้น

เว็บไซต์ที่ดีควรเป็นอย่างไร

ข้อมูลครบถ้วน
ข้อมูลบนเว็บไซต์ควรมีความถูกต้อง ครบถ้วน อ่านแล้วสามารถจับใจความได้ เข้าใจง่ายและที่สำคัญคือไม่ควรคัดลอกเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่นมา เพราะเนื้อหาบนเว็บไซต์ที่ซ้ำ ๆ กันจะมีความน่าสนใจลดลง ไม่ดึงดูด

อย่าลืมใส่ช่องทางการติดต่อ
หากผู้ที่เข้ามาอ่านสนใจในสินค้าบนเว็บไซต์ของคุณ แต่ไม่มีช่องทางสำหรับการติดต่อสอบถามเพิ่มเติมหรือช่องทางในการสั่งซื้อสินค้า ก็อาจเป็นเหตุที่ทำให้คุณเสียทั้งยอดสั่งซื้อและลูกค้าคนสำคัญไป

ตรวจสอบการสะกดคำ
การสะกดคำผิดอาจทำให้ผู้อ่านเข้าใจความหมายผิดเพี้ยนไปและถ้าเว็บไซต์ของคุณมีการสะกดคำผิดอยู่บ่อยครั้ง จะทำให้ความน่าเชื่อถือน้อยลง การตรวจสอบการสะกดคำจึงเป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด

ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์อยู่เสมอ
คนเราต้องมีการพัฒนาตนเองให้เก่งขึ้นอยู่เสมอ การทำเว็บไซต์ก็เช่นกัน เพราะหากคุณไม่พัฒนา ปรับปรุงเว็บไซต์ให้เท่าทันเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา ภาพลักษณ์ของธุรกิจคุณจะดูเหมือนย่ำอยู่กับที่ ไม่มีความก้าวหน้า ทำให้ความน่าเชื่อถือลดลง

จะเห็นได้ว่าเว็บไซต์มีข้อดีมากมายจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมบริษัท องค์กร รวมทั้งธุรกิจต่าง ๆ จึงได้หันมาให้ความสนใจในการทำเว็บไซต์มากขึ้นและหากคุณนำข้อแนะนำเหล่านี้ไปปรับใช้ รับรองว่าคุณจะต้องประสบความสำเร็จในการทำเว็บไซต์อย่างแน่นอน